อุบัติเหตุทางจราจรถือเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกหัก กระดูกหักจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะแม้บางทีจะไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่การรักษาที่ไม่เหมาะสมอาจนำมาซึ่งความพิการถาวรได้ สาเหตุหลักของภาวะกระดูกหักที่นอกจากอุบัติเหตุจราจรแล้ว ยังมีอุบัติเหตุจากการทำงาน รวมไปถึงการเล่นกีฬา และที่น่าเป็นห่วงเพราะพบตัวเลขสูงขึ้นเรื่อย ๆ คือ ภาวะกระดูกหักในผู้สูงอายุ
วินิจฉัยกระดูกหัก
ในการวินิจฉัยกระดูกหัก แพทย์จะตรวจร่างกายและซักประวัติ เพื่อดูว่ากระดูกหักส่วนไหน หักแบบใด รุนแรงแค่ไหน หักเข้าไปในข้อหรือไม่ กระทบต่อเส้นเลือดหรือเส้นประสาทใกล้เคียงหรือไม่ จากนั้นจะนำมาวิเคราะห์และวางแผนรักษาร่วมกับผู้ป่วย เพื่อให้ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับผู้ป่วย5R รักษากระดูกหัก
หลักในการรักษากระดูกหักมีอยู่ด้วยกัน 5 ขั้นตอน เรียกง่าย ๆ ว่า 5R คือ- Recognition การตรวจวินิจฉัยดูลักษณะการหักโดยละเอียด เพื่อวางแผนและเตรียมอุปกรณ์รักษาให้พร้อม
- Reduction การจัดกระดูกให้เข้าที่ใกล้เคียงสภาพเดิม
- Retention การให้กระดูกอยู่นิ่งหลังจัดกระดูกก่อนเข้าเฝือกเพื่อให้กระดูกสมานตัวตามธรรมชาติ
- Rehabilitation การฟื้นฟูส่วนที่ได้รับบาดเจ็บและจิตใจผู้ป่วย
- Reconstruction การแก้ไขซ่อมแซมส่วนที่สูญเสียหรือจากผลแทรกซ้อนให้กลับมาใช้งานได้ตามเดิม
รักษากระดูกหัก
การรักษากระดูกหักโดยทั่วไปจะมี 2 แบบหลัก ๆ คือ แบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด- การรักษาแบบไม่ผ่าตัด เป็นการเข้าเฝือกและการดึงถ่วงน้ำหนัก
- การเข้าเฝือก มักใช้กับกระดูกส่วนแขนหรือขาท่อนล่าง รวมทั้งใช้เพื่อจัดกระดูกผิดรูปในเด็กได้ด้วย
- การดึงถ่วงน้ำหนัก จะใช้กับกระดูกต้นขาหรือในกรณีที่มีการดึงรั้งของกล้ามเนื้อ โดยแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ
- Skin Traction หรือการดึงกระดูกทางอ้อม โดยใช้แรงดึงผ่านผิวหนังด้วยน้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม ผ่านทางสายดึง เทปกาว และปลอกรัดข้อมือข้อเท้า มักทำในเวลาสั้น ๆ
- Skeletal Traction ใช้ในกรณีต้องการดึงถ่วงน้ำหนักมากขึ้น แต่น้ำหนักไม่ควรเกิน 1 ใน 6 ของผู้ป่วย ต้องใช้เหล็กเส้นเล็ก ๆ แทงผ่านกระดูก และมีอุปกรณ์เพื่อดึงออกแรงผ่านกระดูกโดยตรง
- เหล็กแกน (Nail) นิยมใช้ในการรักษากระดูกหักบริเวณส่วนกลางของกระดูก เช่น ต้นแขน ต้นขา และขาท่อนล่าง
- เหล็กแผ่นเป็นรูและใส่สกรูยึด (Plate and Screw) มักใช้หลังการจัดกระดูกเพื่อตรึงกระดูกให้นิ่งอยู่กับที่
- โครงเหล็กยึดกระดูกภายนอก (External fixator) จะถูกเจาะเข้าไปในกระดูกห่างจากบริเวณกระดูกหักทั้ง 2 ด้านของกระดูกหัก จากนั้นดึงกระดูกให้เข้าที่และประกอบโครงจากภายนอกเพื่อยึดกระดูกให้อยู่กับที่ อุปกรณ์นี้ใช้ในกรณีที่มีแผลเปิดเท่านั้น
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2310 3000 หรือ โทร. 1719 Email: [email protected]