หน้าหลัก
/ บทความสุขภาพ / โรคและการรักษา /
ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว เดินได้ภายใน 24 ชั่วโมง

อาการปวดเข่า เข่าบวม เข่าอักเสบ เดินแล้วมีเสียงก๊อบแก๊บในข้อเข่า ไม่สามารถยืดหรือเหยียดขาได้สุด รวมทั้งการเดินขึ้นลงบันไดที่ลำบาก อาจเป็นอาการเตือนของโรคข้อเข่าเสื่อม (Knee Arthritis) ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพศหญิง การที่มีน้ำหนักตัวเกิน การได้รับแรงกระแทกซ้ำ ๆ ที่ข้อเข่า การเกิดอุบัติเหตุที่บริเวณข้อเข่าและพันธุกรรม ถ้าผิวของข้อเข่าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการอักเสบของข้อเข่าหรืออุบัติเหตุ ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดเวลาเดินหรือขึ้นลงบันได ถ้ามีความเสียหายรุนแรงขึ้นจะรู้สึกปวดแม้ขณะนั่งหรือนอน 

การรักษาอาจเริ่มจากเปลี่ยนวิธีการใช้งานของเข่า การรับประทานยาลดการอักเสบ หรือการใช้ไม้เท้าช่วยพยุงเดิน ถ้าการรักษาด้วยวิธีเหล่านี้ไม่ได้ผลและคุณภาพชีวิตแย่ลง อาจจำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement) ซึ่งเป็นการผ่าตัดตัดผิวที่เสียหายออกแล้วใส่ผิวใหม่ที่เรียบมันซึ่งทำจากโลหะและพลาสติกเข้าไปแทน เพื่อให้เข่ากลับไปใช้งานได้ตามเดิมอีกครั้ง โดยมีการพัฒนาการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ทั้งในด้านเทคนิคการผ่าตัด และวัสดุข้อเทียมที่ใช้ ทำให้การผ่าตัดมีประสิทธิภาพสูง ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวไว พร้อมกลับไปใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ 


ทำความรู้จักข้อเข่า

เข่าเป็นข้อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ประกอบด้วยส่วนกระดูก 3 ชิ้น คือ

  1. ส่วนปลายของกระดูกต้นขา (Femur)
  2. ส่วนบนของกระดูกหน้าแข้ง (Tibia)
  3. กระดูกสะบ้าหัวเข่า (Patella)

โดยมีเอ็นยึดกระดูกทั้ง 3 ให้มั่นคงและมีกล้ามเนื้อเกาะตามกระดูกเพื่อเคลื่อนไหว บริเวณผิวของกระดูกทั้ง 3 ชิ้นคลุมด้วยกระดูกอ่อน (Articular Cartilage) ซึ่งมีลักษณะสีขาวมันเรียบ กระดูกอ่อนจะทำหน้าที่เป็นเบาะกันการกระแทกกันของกระดูก และผิวที่เรียบทำให้ข้อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ส่วนที่เหลือของข้อเข่าที่ไม่ได้คลุมด้วยกระดูกอ่อนจะถูกคลุมด้วยเยื่อหุ้มข้อ (Synovial Membrane) ซึ่งมีลักษณะบางและเรียบ ทำหน้าที่สร้างน้ำหล่อเลี้ยงข้อ ซึ่งน้ำหล่อเลี้ยงข้อจะช่วยหล่อลื่นบริเวณผิว

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว เดินได้ภายใน 24 ชั่วโมง


ทำไมจึงปวดเข่า

สาเหตุของการปวดเข่าที่พบบ่อยที่สุด คือ ภาวะข้อเข่าอักเสบ (Arthritis) ที่อาจเกิดจากภาวะข้อเข่าเสื่อม โรคข้ออักเสบเรื้อรัง เช่น รูมาตอยด์ (Rheumatoid) และการอักเสบจากอุบัติเหตุ

  • ข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) มักเกิดในผู้ป่วยอายุมากกว่า 50 ปี เกิดจากการเสื่อมของผิวกระดูกอ่อนและหมอนรองกระดูก ทำให้กระดูกที่แข็งและไม่เรียบถูเสียดสีกัน ทำให้เกิดเสียงเวลาขยับเข่า มีอาการปวด และติดขัดเวลางอเข่า
  • ข้ออักเสบเรื้อรัง ที่พบบ่อย คือ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โดยข้ออักเสบเรื้อรังทำให้เยื่อหุ้มข้ออักเสบหนาตัวขึ้น มีการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงข้อมากขึ้น ทำให้เข่าบวมแดง เมื่อมีการอักเสบนานจะทำให้ส่วนกระดูกถูกทำลายไป
  • ข้ออักเสบจากอุบัติเหตุ กระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลายจากอุบัติเหตุ จากแรงกระแทกที่รุนแรง หรือจากการแตกร้าวของกระดูกและกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นผลทำให้ผิวข้อเสียไม่เรียบ

ตรวจวินิจฉัยข้อเข่าเสื่อม

  • ซักประวัติสุขภาพทั้งหมด รวมทั้งอาการ ลักษณะการปวดเข่า และความสามารถในการใช้งานของเข่า
  • ตรวจร่างกาย ตรวจการทำงานของเข่า ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบ ๆ เข่า ความแข็งแรงของเอ็นรอบ ๆ  เข่า
  • ตรวจเลือด ในกรณีโรคข้ออักเสบอื่น ๆ เช่น เกาต์, รูมาตอยด์
  • การตรวจทางรังสี เช่น X-ray เพื่อดูพยาธิสภาพ ความเสียหายของเข่าที่เสื่อม
  • การตรวจทางรังสีเพิ่มเติมอื่น ๆ ในบางกรณี เช่น การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อดูสภาพของกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ  รอบกระดูก

รักษาข้อเข่าเสื่อม

การรักษาข้อเข่าอักเสบเริ่มจากเปลี่ยนวิธีใช้งาน ลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดแรงกดและกระแทกที่เข่า เช่น การนั่งยอง ๆ คุกเข่า ขึ้นลงบันได วิ่ง ยกของหนัก รับประทานยาเพื่อลดการอักเสบในเข่า การบริหารกล้ามเนื้อเพื่อให้เข่ามีการเคลื่อนไหวที่มั่นคง ถ้าการรักษาเหล่านี้ไม่ได้ผลอาจพิจารณาฉีดยาเข่าในข้อเข่าเพื่อลดการอักเสบและเพิ่มการหล่อลื่นในเข่า เช่น ยาสเตียรอยด์ (Steroid) หรือน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียมสังเคราะห์ หากยังไม่ได้ผลแพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ซึ่งช่วยกำจัดอาการเจ็บปวด ทำให้เคลื่อนไหวข้อเข่าได้ดีขึ้น สามารถเดินลงน้ำหนักได้ตั้งแต่วันแรก โดยมีเครื่องช่วยฝึกเดินพยุงกันล้ม (Walker)  และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ


ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement)

ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมจะรู้สึกเจ็บปวดลดลงและสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงกับปกติ ก่อนผ่าตัดผู้ป่วยจะนอนโรงพยาบาลตอนเช้าของวันผ่าตัดหรือช่วงเย็นก่อนวันผ่าตัด หลังจากนั้นวิสัญญีแพทย์จะมาเยี่ยมผู้ป่วยและแนะนำวิธีการระงับความรู้สึกระหว่างการผ่าตัด ซึ่งมี 2 วิธี คือ การดมยาสลบ และการฉีดยาเข้าไขสันหลัง ซึ่งวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของวิสัญญีแพทย์ การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง โดยการผ่าตัดจะตัดเอาผิวข้อที่เสียออกและใช้ผิวข้อเทียมที่ทำด้วยโลหะและมีส่วนพลาสติกกันระหว่างผิวโลหะ เพื่อกันกระแทกและลดแรงเสียดสีระหว่างผิวข้อ หลังการผ่าตัดผู้ป่วยจะอยู่ในห้องพักฟื้นเป็นเวลา 1 – 2 ชั่วโมง เมื่อผู้ป่วยฟื้นตัวจากยาสลบแล้วจะย้ายกลับไปห้องพักผู้ป่วย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะอยู่โรงพยาบาล 4 – 5 วันหลังผ่าตัด เจ้าหน้าที่กายภาพจะมาช่วยฝึกเดินในวันผ่าตัดและในวันต่อ ๆ มา รวมถึงการเข้าห้องน้ำ การช่วยเหลือตัวเอง การขึ้นลงบันได หลังจากนั้นสามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตได้ตามปกติ


ทำไมต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมที่ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า รพ.กรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล

ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนลเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมที่มีการใช้ Digital Template Program เพื่อวางแผนการผ่าตัดได้ตรงตามตำแหน่ง ร่วมกับเทคนิคระงับปวด (Pain Intervention Technique) เช่น การบล็อกเส้นประสาท (Adductor Canal Block) และการใช้คลื่นไฟฟ้าความถี่สูง (เป็นกรณีทางเลือกเสริมสำหรับการระงับอาการปวดหลังผ่าตัด) ซึ่งส่งผลให้เจ็บน้อยหรือไม่เจ็บเลย ลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียง ผลแทรกซ้อนหลังผ่าตัด ฟื้นตัวไว สามารถเดินได้ภายใน 24 ชั่วโมง และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น 

  • ทีมศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าที่มากด้วยประสบการณ์ พร้อมด้วยทีมแพทย์สหสาขา เช่น วิสัญญีแพทย์ แพทย์กายภาพบำบัด และอายุรแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างครอบคลุมครบทุกมิติ
  • มาตรฐานการดูแลรักษาระดับสากลที่ได้รับการรับรอง (Program Certificate สำหรับ Total Knee Replacement Program) โดย JCI ประเทศสหรัฐอเมริกา 
  • การใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Digital Template / Pre – Operative Planning Program) เพื่อวางแผนให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างถูกต้อง ลดการบาดเจ็บบริเวณใกล้เคียง อีกทั้งช่วยระบุเลือกขนาดและตำแหน่งของข้อเทียมได้ตรงตำแหน่งและยืดอายุการใช้ข้อเทียม
  • การใช้เทคนิคระงับปวด เช่น การบล็อกเส้นประสาท (Adductor Canal Block) และการใช้คลื่นไฟฟ้าความถี่สูงจี้ประสาท (Radiofrequency Ablation) เป็นกรณีทางเลือกเสริมสำหรับการระงับอาการปวดหลังผ่าตัด ซึ่งส่งผลให้เจ็บน้อยหรือไม่เจ็บเลย  
    • ข้อเทียมรุ่นมาตรฐานและรุ่นพรีเมียมที่มีคุณภาพและอายุการใช้งานนาน 15 – 20 ปีขึ้นไป
    • ผลแทรกซ้อนต่ำ เช่น ลดการทำลายเส้นประสาท ลดโอกาสติดเชื้อหลังผ่าตัด ลดความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน 
    • ฟื้นตัวไวหลังผ่าตัดด้วยโปรแกรม ERAS (Enhanced Recovery After Surgery) โดยทีมกายภาพบำบัดที่มากด้วยประสบการณ์ ผู้ป่วยสามารถเดินได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังผ่าตัดและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วยิ่งขึ้น